Menu
หน้าแรก
ดูบอลสด
ตารางบอล
วิเคราะห์บอล
เว็บบอร์ด
กองทุนเฮดจ์ฟันด์เรือธงของนักลงทุนมหาเศรษฐี
กองทุนเฮดจ์ฟันด์เรือธงของนักลงทุนมหาเศรษฐี Ken Griffin สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของตลาดที่กว้างขึ้นในต้นปี 2566 หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามรายงานของบุคคลที่คุ้นเคยกับผลตอบแทน กองทุนเวลลิงตันเรือธงหลายกลยุทธ์ของ Citadel เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนที่แล้ว ทำให้ประสิทธิภาพในปี 2023 เป็น 2.8% จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เอสแอนด์พี 500 ลดลง 2.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 3.4% ในปีนี้จนถึงสิ้นเดือนที่แล้ว ตลาดหุ้นจะดีดตัวขึ้นในปี 2566 นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ตกต่ำ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าวงจรการรัดเข็มขัดของธนาคารกลางสหรัฐที่เลวร้ายที่สุดได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่นักลงทุนรายใหญ่บางคนเช่นDavid Einhorn จาก Greenlightเชื่อว่าหุ้นมีโอกาสลดลงอีกมาก ผลกำไรในปีนี้เกิดขึ้นหลังจากปีที่เป็นตัวเอกของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 38%
ซิทาเดล
ในปี 2565 นับเป็นปีที่ดีที่สุดของบริษัท และมีประสิทธิภาพดีกว่าคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดอย่าง Millennium มากกว่า 3 ต่อ 1 นอกจากนี้ Citadel ยังทำกำไรได้เกือบ 117% ผลตอบแทนในช่วงสามปีตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2565 กองทุนเฮดจ์ฟันด์ตั้งเป้าที่จะเสนอการป้องกันด้านลบในช่วงที่ตลาดเกิดความวุ่นวาย และCitadel ก็สามารถฉายแสงได้ในช่วงที่ตลาดเกิดความวุ่นวายที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี ดัชนี S&P 500 ร่วงลงสู่ตลาดหมีในปี 2565 เนื่องจากความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยทวีความรุนแรงขึ้นหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี กองทุนป้องกันความเสี่ยงระดับมหภาค ซึ่งวางเดิมพันรอบเหตุการณ์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นจากธนาคารกลางทั่วโลกที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวอย่างดุเดือดในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตั้งแต่พันธบัตรไปจนถึงหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ไปจนถึงสกุลเงิน กองทุนตราสารทุนของ Citadel ซึ่งใช้กลยุทธ์ long/short เพิ่มขึ้น 2.4% ในปีนี้ ในขณะที่กองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วโลกสูงขึ้น 1.6% จนถึงปี 2023
ตอบคำถาม
ตั้งคำถามใหม่
โพสต์โดย : วัดจ๋า
เมื่อ 26 เม.ย. 2566 16:23:58 น. อ่าน 154 ตอบ 0
Member
Login
ลืมรหัสผ่าน
|
สมัครสมาชิกใหม่
ดูฟุตบอลออนไลน์