ไข่ต้มสุกอุดมไปด้วยโปรตีน สังกะสี ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดโฟลิก เลซิทิน ลูทีน ซีแซนทีน วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 วิตามินบี12 วิตามินดี และวิตามินอี ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นหากทานไข่ต้มวันละ 1 ฟอง ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเพื่อผลดียิ่งขึ้น ควรทานควบคู่กับอาหารชนิดอื่นๆ ให้ครบทั้ง 5 หมู่ด้วย
ไข่ต้มสุก 1 ฟอง อุดมไปด้วยโปรตีนมากถึง 6 กรัม ซึ่งในโปรตีนจะมีกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างและช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย ดังนั้นใครที่ต้องการมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงควรทานไข่ต้มบ่อยๆ นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสกล้ามเนื้อฉีกขาดจากการออกกำลังกายเป็นประจำได้อีกด้วย
ไข่ต้มอุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี ซึ่งวิตามินดีจะมีหน้าที่ช่วยดูดซึมและช่วยทำให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้อย่างเต็มที่
ธาตุเหล็ก วิตามินเอ และวิตามินดี เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยให้การผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
ไข่ต้ม 1 ฟอง ให้พลังงานแก่ร่างกายประมาณ 70-85 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าให้พลังงานแก่ร่างกายน้อยมาก นั่นจึงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
ไข่ต้มอุดมไปด้วยไขมันดีอย่างเช่นโอเมก้า3 ซึ่งไ
ไข่ต้ม 1 ฟอง มีโคลีนมากถึง 20% ซึ่งสารชนิดนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง ป้องกันการเป็นอัลไซเมอร์ และมีส่วนสำคัญต่อกล้ามเนื้อ เยื่อหุ้มสมอง เยื่อหุ้มเซลล์ และเซลล์ประสาท ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับสารชนิดนี้ในปริมาณมาก จะยิ่งช่วยบำรุงสมองให้แข็งแรงมากขึ้น
สารอาหารอย่างลูทีนและซีแซนทีนที่มีอยู่ในไข่ต้ม มีส่วนช่วยในการป้องกันจอประสาทตาเสื่อม และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกได้อีกด้วย
วิตามินดี ธาตุเหล็ก กำมะถัน สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระที่อุดมอยู่ในไข่ต้มนั้น ล้วนมีส่วนช่วยในการบำรุงเล็บและเส้นผมให้มีความแข็งแรง ไม่ทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ง่าย
เมื่อเทียบระหว่างการทานไข่ต้มสุกกับไข่ดิบ แน่นอนว่าไข่ต้มมีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง และยังให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายอย่างมาก ในขณะที่การทานไข่ดิบจะย่อยได้ยาก ที่สำคัญไข่ขาวดิบยังไปขัดขวางการดูดซึมของสารไบโอติน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่อยู่ในลำไส้ และการทานไข่ดิบยังมีโอกาสที่ร่างกายจะได้รับเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วยขมันชนิดนี้มีความจำเป็นต่อร่างกาย พร้อมทั้งช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง และยังช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งหากร่างกายมีไขมันชนิดนี้ในเลือดสูง จะเสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคหัวใจและมะเร็งเต้านมมากขึ้น